Skip to content

วิตามินคืออะไร มีกี่ชนิด และมีประโยชน์อย่างไร? วิตามินที่ละลายน้ำได้

วิตามินคืออะไร มีกี่ชนิด และมีประโยชน์อย่างไร? วิตามินที่ละลายน้ำได้

วิตามินเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ได้จากพืชและสัตว์ โดยเป็นสารอาหารขนาดเล็กและมีความจำเป็นเนื่องจากร่างกายของเราไม่สามารถผลิตได้ในปริมาณที่เพียงพอ วิตามินมีความสำคัญต่อสุขภาพเนื่องจากช่วยสนับสนุนการทำงานที่สำคัญและช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินมี 2 ชนิด คือ ละลายน้ำและละลายในไขมัน วิตามินที่ละลายน้ำจะไม่ถูกเก็บสะสมไว้ในร่างกายของเราและจะถูกขับออกทางปัสสาวะเมื่อบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป

ต่อไปนี้คือวิตามินที่ละลายน้ำได้ทั้งหมดที่ร่างกายของเราต้องการ วิตามินเหล่านี้มีประโยชน์อย่างไรและควรได้รับปริมาณเท่าไร:

วิตามินบี 1

วิตามินบี 1 (ไทอามิน): จำเป็นสำหรับการเผาผลาญกลูโคสและช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระบบประสาท, สมอง, กล้ามเนื้อ, หัวใจ, กระเพาะอาหาร, และลำไส้ พบมากในธัญพืช, ยีสต์, เนื้อวัว, เนื้อหมู, ถั่ว, ธัญพืชไม่ขัดสี, ดอกกะหล่ำ, ส้ม, มันฝรั่ง, หน่อไม้ฝรั่ง, และคะน้า ปริมาณที่แนะนำต่อวันประมาณ 1.1 – 1.2 มิลลิกรัม

วิตามินบี 2

วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน): มีบทบาทสำคัญในการรักษาแหล่งพลังงานของร่างกาย, บำรุงตับให้แข็งแรง, รักษาดวงตา, เส้นประสาท, กล้ามเนื้อและผิวหนังให้แข็งแรง ตลอดจนช่วยในการผลิตฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต พบได้ในนม, ไข่, โยเกิร์ต, ชีส, เนื้อสัตว์, ผักใบเขียว, ธัญพืชเต็มเมล็ด, และซีเรียล ปริมาณที่แนะนำต่อวันคือ 1.1 – 1.3 มิลลิกรัม

วิตามินบี 3

วิตามินบี 3 (ไนอาซิน): จำเป็นสำหรับการสร้างพลังงานและบำรุงสุขภาพผิวหนัง, ผม, กล้ามเนื้อ, สมองและระบบประสาท พบในเนื้อสัตว์, สัตว์ปีก, ปลา, ธัญพืชเต็มเมล็ด, เห็ด, มันฝรั่ง, และเนยถั่ว ปริมาณที่แนะนำต่อวันประมาณ 14 – 16 มิลลิกรัม

วิตามินบี 5

วิตามินบี 5 (กรดแพนโทธีนิก): จำเป็นสำหรับพลังงาน, ลิพิด (ไขมัน), สารสื่อประสาท, สเตอรอยด์ฮอร์โมน, และการสร้างฮีโมโกลบิน พบในเนื้อไก่, ไข่แดง, ธัญพืชเต็มเมล็ด, บรอกโคลี, เห็ด, อะโวคาโด, และมะเขือเทศ ปริมาณที่แนะนำต่อวันประมาณ 5 มิลลิกรัม

วิตามินบี 6

วิตามินบี 6 (ไพริดอกซิน): ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงและเซโรโทนินซึ่งมีความสำคัญต่อการนอนหลับ, ความอยากอาหาร, และอารมณ์ พบในเนื้อสัตว์, ปลา, สัตว์ปีก, พืชตระกูลถั่ว, เต้าหู้, มันฝรั่ง, กล้วย, และแตงโม ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 1.3-1.7 มก. สูงสุด 100 มิลลิกรัม

วิตามินบี 7

วิตามินบี 7 (ไบโอติน): จำเป็นสำหรับสุขภาพกระดูก, เส้นผม และใช้ในการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานโดยการสังเคราะห์กลูโคส พบในเมล็ดธัญพืช, ไข่แดง, ถั่วเหลือง, และปลา ปริมาณที่แนะนำต่อวันประมาณ 30 ไมโครกรัม

วิตามินบี 9

วิตามินบี 9 (กรดโฟลิก): มีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์ใหม่และช่วยป้องกันความพิการแต่กำเนิดของสมองและกระดูกสันหลังเมื่อได้รับในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ อาจลดความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้และมะเร็งเต้านม พบในหน่อไม้ฝรั่ง, กระเจี๊ยบ, ผักโขม, ผักกาดเขียว, บรอกโคลี, ถั่วลันเตา, ถั่วชิกพี, และน้ำส้ม ปริมาณที่แนะนำต่อวันประมาณ 400 ไมโครกรัม

วิตามินบี 12

วิตามินบี 12 (โคบาลามิน): อาจลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ, ช่วยในการสร้างเซลล์ใหม่และ DNA, และทำลายกรดไขมันหรือกรดอะมิโน พบได้ในเนื้อสัตว์, สัตว์ปีก, ปลา, นม, ชีส, ไข่, ซีเรียล, และนมถั่วเหลือง ปริมาณที่แนะนำต่อวันประมาณ 2.4 ไมโครกรัม

วิตามินซี

วิตามินซี (กรดแอสคอร์บิก): ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและช่วยสร้างคอลลาเจนและเซโรโทนิน พบได้ในผลไม้และน้ำผลไม้ (โดยเฉพาะส้ม), มันฝรั่ง, บรอกโคลี, พริกหยวก, ผักโขม, สตรอเบอร์รี่, มะเขือเทศ และกะหล่ำดาว ปริมาณที่แนะนำต่อวันประมาณ 75 – 90 มิลลิกรัม สูงสุด 2,000 มิลลิกรัม ต่อวัน

If you suffer from constant stomach pain, rashes or tiredness your symptoms might come from intolerances to food, dust or other items in your environment. Listen to your body and do not hesitate to check your intolerant status today. Untreated intolerances can become chronic and should be detected and treated as early as possible.

Check also for further information:

List of Vitamins

Any more questions?

Contact us

Shopping cart0
There are no products in the cart!
Continue shopping
0