สารให้ความหวานแทนนา้ ตาลกบั การลดนา้ หนัก

สำหรับผู้กำลังลดน้ำหนักอยู่หรือต้องการลดน้ำหนักหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินกันว่า เครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล หรือไม่มีพลังงาน ช่วยให้น้ำหนักลดได้ ประเด็นนี้จริงแท้มากสักแค่ไหน ?

เครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล หรือ ไม่มีพลังงาน มักจะมีรสชาติหวาน เนื่องมาจากการใช้สารให้ความแทนน้ำตาลทดแทน น้ำตาลทราย เพราะน้ำตาลทรายหากบริโภคเป็นประจำนอกจากจะส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้แล้ว ยังเหนี่ยวนำให้ร่างกายติดความหวาน และรับประทานอาหารอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย โดยสารให้ความหวานแทนน้ำตาลเป็นวัตถุเจือปนอาหารชนิดหนึ่งที่สามารถใช้เพิ่มความหวานให้กับอาหารและเครื่องดื่มได้แทนน้ำตาล ซึ่งหลาย ๆ ชนิดจะไม่ให้พลังงาน หรือให้พลังงานต่ำ จึงมักนิยมนำมาใช้ในผู้ที่ต้องการลดหรือควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากไม่ส่งผลต่อพลังงาน

แต่เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2566 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศข้อแนะนำว่า ไม่ควรใช้ สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ในผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักหรือใช้เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รวบรวมงานวิจัยและได้สรุปว่า การบริโภคสารให้ความแทนน้ำตาลเป็นประจำหรือมากเกินไป อาจจะส่งผลให้อัตราการเกิดโรคเบาหวานมากถึง 34% และกล่าวว่าการใช้สารให้ความหวานในปริมาณสูงทำให้ดัชนีมวลกาย (BMI) เพิ่มขึ้น 0.14 กิโลกรัม/เมตร² และเพิ่มโอกาสการเกิดโรคอ้วนถึง 76% เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเนื่องมาจากสารให้ความแทนน้ำตาล ยังคงให้รสชาติหวานเช่นเดียวกันกับน้ำตาลทราย ซึ่งทำให้ร่างกายติดหวานและร่างกายจะกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอยากอาหารบ่อยมากขึ้น

ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า สารให้ความแทนน้ำตาล ไม่ควรใช้ หรือใช้ไม่ได้ ซึ่งข้อดีของสารให้ความหวานแทนน้ำตาลนั้นเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื่องจากไม่ให้พลังงาน ไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดและระดับอินซูลิน และสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ยังสามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน แต่ควรระมัดระวังในการใช้ ไม่ควรใช้เป็นประจำและปริมาณมาก การลดน้ำหนักที่ถูกวิธีและส่งผลดีในระยะยาวต่อร่างกาย คือ การลดบริโภครสหวาน ทั้งน้ำตาลและสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ปรับพฤติกรรมให้ร่างกายคุ้นชินกับการรับรสชาติหวานที่น้อยลง เพื่อการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากกว่า